04-29-2022, 08:50 PM
เป็นประเด็นน่าจับตา “ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน” พร้อมใจกันเสนอญัตติ 12 ฉบับ สนับสนุนตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ และการเก็บภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย แก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น 90 วัน
กระทั่งไม่นานนี้ก็มีการประชุมนัดแรก “เลือกประธาน กมธ. และมีรองประธาน 16 คน” ตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้ต่อ “การมีบ่อนกาสิโนในไทยให้ครบรอบด้าน ผลดี ผลเสียจากต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน” แล้วเสนอความเห็นต่อรัฐบาลพิจารณาต่อไป
การผลักดันบ่อนกาสิโนทำให้ “ภาคประชาสังคม” ออกมาแสดงความกังวลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก และเยาวชนถูกใช้ประโยชน์จากการพนันนี้ พชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย บอกว่า การเปิดบ่อนกาสิโนในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกครั้งปรับเปลี่ยนรัฐบาลมักหยิบยกพูดกันอยู่เสมอ
เพราะเป็นธุรกิจความบันเทิงรับความนิยมทั่วโลกจนมีแนวคิดหวังจัดเก็บภาษีรายได้จากธุรกิจนี้
แต่ว่า “บ่อนกาสิโนเป็นธุรกิจสีเทาเคยอยู่ใต้ดิน” เมื่อนำขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมายก็ไม่มีประเทศใดพิสูจน์ได้ว่า “สิ่งผิดกฎหมายจะหมดไป” อย่างเช่น “บางประเทศเปิดบ่อนกาสิโน” มีเงื่อนไขกำหนดผู้เข้าเล่นต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทำให้คนอยากเล่นมีรายได้น้อยยังเข้าใช้บริการบ่อนผิดกฎหมายเช่นเดิม
แต่หากว่า “จำเป็นเปิดบ่อนกาสิโนจริงๆ” ต้องมีมาตรการกำกับห้ามผู้ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนดเข้าใช้บริการเด็ดขาด โดยเฉพาะ “สถานที่ตั้ง” ต้องอยู่ห่างชุมชนเมืองป้องกันการเข้าถึงได้ง่าย
ต่อมาเมื่อเปิดแล้ว “ควรต้องมีกลไกลดผลกระทบจากบ่อนกาสิโนด้วย” เพราะต้องเข้าใจว่า “ผู้เล่นการพนันประจำ” มักมีอาการของโรคเสพติดการพนันตามหลักองค์การอนามัยโลกเคยให้คำนิยามไว้ ในเรื่องนี้ “รัฐบาล” ต้องมีมาตรการช่วยเหลือดูแลคนกลุ่มนี้ให้หลุดพ้นทุกข์ความเครียดอาการเสพติดการพนันด้วย
ประการสำคัญตอนนี้ “เยาวชนเล่นการพนันสูงขึ้น” ตามที่เคยสำรวจกลุ่มนักศึกษาอาชีวะสถาบันแห่งหนึ่งใน จ.สุโขทัย พบว่า มีผู้ติดการพนันออนไลน์ 19% เพราะเข้าถึงแหล่งการพนันได้ง่ายแล้วอย่างนี้ “การเปิดบ่อนกาสิโน” จะเป็นการชี้ช่องทางทำให้เด็กและเยาวชนกลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่มากขึ้นหรือไม่
ตอกย้ำเหตุการณ์เมื่อ 3-4 ปีก่อนนี้ “เด็กและเยาวชน” ส่วนใหญ่มักเป็นผู้เล่นเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับกลายมาเป็นผู้ชักชวนให้เพื่อนฝูงคนรู้จักหันมาเป็น “ผู้เล่นการพนันหน้าใหม่” ตามผลสำรวจในช่วงโควิด-19 ปรากฏเด็กไทยรับงานรีวิวเชิญชวนเล่นการพนันแลกกับเงินรายได้ 3 โพสต์ 500 บาท 5 โพสต์ 1 พันบาท เยอะมาก...
ด้วยการเมกโปรไฟล์ให้เกิดแรงจูงใจ อาทิ ปลอมบัญชีธนาคารที่มีเงินมากๆจากการเล่นพนัน ถ่ายรูปคู่กับกองเงินกองทองโพสต์โชว์ในเฟซบุ๊กกว่า 200 ยูสเซอร์ รับโปรโมตเว็บพนันออนไลน์ เช่น บุคคลทั่วไปที่มีหลากหลายอาชีพบนโลกออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ เน็ตไอดอล ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 200 คน ไปจนถึง 2 ล้านคน
หนำซ้ำการระบาดโควิด-19 ทำให้มีเว็บพนันออนไลน์เพิ่มขึ้น 1 เท่า ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 มี.ค.2563 มีเว็บพนัน 240 เว็บไซต์ ในช่วง 16 มี.ค.-31 พ.ค.2564 มีเว็บพนันออนไลน์เพิ่มขึ้นอีก 200 เว็บไซต์ รวม 440 เว็บไซต์แล้วมักใช้กลยุทธ์ใหม่ที่ไม่หวังเงินก้อนใหญ่เหมือนอดีต แต่หวังผู้เล่นมากๆ ที่เล่นด้วยเงินหลักร้อยบาท
ดังนั้น “ภาษีบ่อนกาสิโน” ในแต่ละปีที่จะได้มาคุ้มค่าต่อสิ่งที่ “คนไทยสูญเสียหรือไม่” ไม่ว่าจะเป็นสูญเสียทรัพยากรคุณภาพ และสูญเสียงบประมาณดูแลผู้ติดการพนันเพิ่มขึ้น เช่น กรณีบุหรี่เก็บภาษีได้ปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท
ต้องนำมาเป็นค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากสูบบุหรี่ปีละ 5 หมื่นกว่าล้านบาท
“ฝากไว้ว่าเมื่อตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาการเปิดบ่อนกาสิโนแล้วเครือข่ายเยาวชนอยากเรียกร้องจัดสรรโควตาเก้าอี้ 2-3 ที่นั่งให้บุคคลภายนอก เช่น นักวิชาการ แพทย์ผู้ทำงานด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นเข้าเป็นส่วนร่วมในการศึกษาเสนอแนะข้อมูลแง่มุมทางวิชาการนำไปประกอบให้ครบถ้วนสมบูรณ์รอบด้านด้วย”
เช่นเดียวกับ ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกว่า แม้ได้แนวทางการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร 12 ฉบับ สำเร็จแล้ว “กมธ.วิสามัญฯ 60 คน” ก็ไม่อาจตัดสินใจฟันธงได้ “ไทยควรมีการพนันถูกกฎหมายหรือไม่มีบ่อนกาสิโน” แต่ควรผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนไทยได้ร่วมตัดสินใจด้วย
อย่างกรณี “ประเทศญี่ปุ่น” มีการศึกษาเปิดบ่อนกาสิโนมานานกว่า 15 ปี และเมื่อ 2-3 ปีมานี้ได้มีการทำประชามติความคิดเห็นของประชาชนแล้วมีแผนเปิดกาสิโนรองรับโอลิมปิก 2021 แต่ต้องเจอโรคระบาดก่อน
แล้ว “ประเทศทำการพนันถูกกฎหมาย” มักต้องจัดตั้ง “หน่วยเรกกูเรเตอร์” เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลบ่อนกาสิโนโดยตรง เพราะการใช้กลไกเดิมทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไม่เพียงพอต่อการดูแลได้ทั่วถึง
ก่อนหน้านี้เคยดูงานที่ “สิงค์โปร์” ก็มีปัญหาคนในประเทศติดการพนันเยอะเหมือนกัน มี “หน่วยงานกลาง” ทำหน้าที่ดูแลด้วย “มาตรการเอกซ์คลูชัน” ในการแบนผู้เล่นมีปัญหา เช่น บ่อนกาสิโนยื่นแบนผู้ติดหนี้ติดสิน
เมียแจ้งแบนสามีติดพนันไม่รับผิดชอบครอบครัว “คนกลุ่มนี้” จะถูกบังคับให้บำบัดรักษาพฤติกรรมเสพติดการพนัน
สะท้อนว่า “ทุกประเทศเปิดบ่อนกาสิโน” มักเจอปัญหาทางสังคมมากมาย เพียงว่าเตรียมตัวตั้งรับจัดการแบบใด แล้ววางแบบแผนรับมือให้เกิดประสิทธิภาพแข็งแรงระดับไหน ที่ไม่ใช่มีแนวคิดเพียงว่า “เอาหรือ
ไม่เอา เปิดได้หรือไม่ได้” แต่ต้องศึกษาถึงกลไก ผลกระทบ แนวทางป้องกันในอนาคตด้วยซ้ำ
ย้ำเป็นเหตุผลให้ในต่างประเทศไม่สามารถเปิดบ่อนกาสิโนได้ใน 1-2 ปี เท่าที่รู้มักมีกลไกการศึกษาข้อดีข้อเสียและปัญหาผลกระทบไม่ต่ำกว่า 5 ปี
อันยึดหลักสำคัญ “สิ่งใดก่อผลเสียทางสังคม หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ควรควบคุมกำเนิดไม่ให้เกิดโดยง่ายในการสร้างกลไกให้เกิดขึ้นยากๆ
ถ้าทำคลอดกำเนิดออกมาแล้ว “กระทำผิดฝ่าฝืนกฎระเบียบ” จำเป็นต้องทำให้ตายทันทีด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตถาวรไม่ให้มีโอกาสกลับเข้ามาสร้างปัญหาอีก “แต่มิใช่ว่าทำให้เกิดง่ายตายยาก” เรื่องนี้เป็นข้อกังวลสำหรับประเทศไทย เพราะบ่อนกาสิโนมักมีผลประโยชน์มหาศาล เมื่อเปิดได้แล้วการสั่งปิดจะทำได้ยากมาก...
เหตุนี้ควรต้องทำรัดกุมตั้งแต่เริ่มแรก “จัดการผลกระทบเกี่ยวกับการพนัน” ก่อนเปิดบ่อนกาสิโน เช่น ออกแบบตั้งคลินิกปรึกษาบำบัดผู้ติดการพนัน คลินิกจัดการหนี้สิน ทั้งปลูกฝังทัศนคติเด็กเยาวชนให้เกิดภูมิคุ้มกัน
ทำให้ต้อง “ตั้งหน่วยเรกกูเรเตอร์” เป็นหน่วยงานเฉพาะที่มีความแข็งแรงต่อการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เพราะถ้าไม่มีความแข็งแรงแล้ว “ฝ่ายการเมือง” เข้ามาแทรกแซงด้วยการส่งคนของตัวเองเข้ามาอยู่ใน “บอร์ดฝ่ายบริหาร” สุดท้าย...มิอาจควบคุม “กาสิโน” ให้เป็นตามวัตถุประสงค์ต่อไปได้
ถัดมา การทำการพนันถูกกฎหมายนี้แม้สร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ก็จริง
แต่อาจต้องแลกกับปัญหาทางสังคม อาชญากรรมตามมามากมายแน่นอน เรื่องนี้เป็นโจทย์ใหญ่ “กมธ.วิสามัญฯ” ต้องศึกษาให้ครบถ้วนรอบด้านแล้วนำมาพิจารณาเป็นแบบแผนกลไกรับมือให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด
อยากเสนอว่า “การเปิดบ่อนกาสิโน” ควรตั้งทีมนักวิชาการเป็นกลางเข้ามาศึกษา ทั้งด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางสังคม มิติทางด้านอาชญากรรมทั้งหลายทั้งปวง เพราะถ้าทำให้สังคมยืนอยู่บนความ
เชื่อมั่นที่สามารถควบคุมเอาอยู่กับปัญหา ผลกระทบอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ก็เชื่อว่า... “สังคมไทย” คงไม่มีใครคัดค้านแน่นอน แต่ตอนนี้มองว่า “ประเทศไทย” ไม่พร้อมที่จะมีบ่อนการพนันถูกกฎหมาย เพราะยังมี “หลายเรื่องต้องดำเนินการให้รัดกุมก่อน” เพื่อเป็นเครื่องการันตีต่อความเชื่อมั่นให้สังคมว่ามีบ่อนกาสิโนแล้วจะไม่ก่อปัญหาส่งผลลบต่อประเทศชาติตามมาในอนาคต
ท้ายสุด “การเปิดบ่อนกาสิโนได้หรือไม่” ต้องศึกษาข้อดีข้อเสีย
ผลกระทบรอบด้าน มิใช่อ้างเหตุผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจแล้ว “ลืมคำนึงผลกระทบทางสังคม” จนกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสียนะจ๊ะ.
กระทั่งไม่นานนี้ก็มีการประชุมนัดแรก “เลือกประธาน กมธ. และมีรองประธาน 16 คน” ตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้ต่อ “การมีบ่อนกาสิโนในไทยให้ครบรอบด้าน ผลดี ผลเสียจากต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน” แล้วเสนอความเห็นต่อรัฐบาลพิจารณาต่อไป
การผลักดันบ่อนกาสิโนทำให้ “ภาคประชาสังคม” ออกมาแสดงความกังวลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก และเยาวชนถูกใช้ประโยชน์จากการพนันนี้ พชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย บอกว่า การเปิดบ่อนกาสิโนในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกครั้งปรับเปลี่ยนรัฐบาลมักหยิบยกพูดกันอยู่เสมอ
เพราะเป็นธุรกิจความบันเทิงรับความนิยมทั่วโลกจนมีแนวคิดหวังจัดเก็บภาษีรายได้จากธุรกิจนี้
แต่ว่า “บ่อนกาสิโนเป็นธุรกิจสีเทาเคยอยู่ใต้ดิน” เมื่อนำขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมายก็ไม่มีประเทศใดพิสูจน์ได้ว่า “สิ่งผิดกฎหมายจะหมดไป” อย่างเช่น “บางประเทศเปิดบ่อนกาสิโน” มีเงื่อนไขกำหนดผู้เข้าเล่นต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทำให้คนอยากเล่นมีรายได้น้อยยังเข้าใช้บริการบ่อนผิดกฎหมายเช่นเดิม
แต่หากว่า “จำเป็นเปิดบ่อนกาสิโนจริงๆ” ต้องมีมาตรการกำกับห้ามผู้ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนดเข้าใช้บริการเด็ดขาด โดยเฉพาะ “สถานที่ตั้ง” ต้องอยู่ห่างชุมชนเมืองป้องกันการเข้าถึงได้ง่าย
ต่อมาเมื่อเปิดแล้ว “ควรต้องมีกลไกลดผลกระทบจากบ่อนกาสิโนด้วย” เพราะต้องเข้าใจว่า “ผู้เล่นการพนันประจำ” มักมีอาการของโรคเสพติดการพนันตามหลักองค์การอนามัยโลกเคยให้คำนิยามไว้ ในเรื่องนี้ “รัฐบาล” ต้องมีมาตรการช่วยเหลือดูแลคนกลุ่มนี้ให้หลุดพ้นทุกข์ความเครียดอาการเสพติดการพนันด้วย
ประการสำคัญตอนนี้ “เยาวชนเล่นการพนันสูงขึ้น” ตามที่เคยสำรวจกลุ่มนักศึกษาอาชีวะสถาบันแห่งหนึ่งใน จ.สุโขทัย พบว่า มีผู้ติดการพนันออนไลน์ 19% เพราะเข้าถึงแหล่งการพนันได้ง่ายแล้วอย่างนี้ “การเปิดบ่อนกาสิโน” จะเป็นการชี้ช่องทางทำให้เด็กและเยาวชนกลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่มากขึ้นหรือไม่
ตอกย้ำเหตุการณ์เมื่อ 3-4 ปีก่อนนี้ “เด็กและเยาวชน” ส่วนใหญ่มักเป็นผู้เล่นเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับกลายมาเป็นผู้ชักชวนให้เพื่อนฝูงคนรู้จักหันมาเป็น “ผู้เล่นการพนันหน้าใหม่” ตามผลสำรวจในช่วงโควิด-19 ปรากฏเด็กไทยรับงานรีวิวเชิญชวนเล่นการพนันแลกกับเงินรายได้ 3 โพสต์ 500 บาท 5 โพสต์ 1 พันบาท เยอะมาก...
ด้วยการเมกโปรไฟล์ให้เกิดแรงจูงใจ อาทิ ปลอมบัญชีธนาคารที่มีเงินมากๆจากการเล่นพนัน ถ่ายรูปคู่กับกองเงินกองทองโพสต์โชว์ในเฟซบุ๊กกว่า 200 ยูสเซอร์ รับโปรโมตเว็บพนันออนไลน์ เช่น บุคคลทั่วไปที่มีหลากหลายอาชีพบนโลกออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ เน็ตไอดอล ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 200 คน ไปจนถึง 2 ล้านคน
หนำซ้ำการระบาดโควิด-19 ทำให้มีเว็บพนันออนไลน์เพิ่มขึ้น 1 เท่า ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 มี.ค.2563 มีเว็บพนัน 240 เว็บไซต์ ในช่วง 16 มี.ค.-31 พ.ค.2564 มีเว็บพนันออนไลน์เพิ่มขึ้นอีก 200 เว็บไซต์ รวม 440 เว็บไซต์แล้วมักใช้กลยุทธ์ใหม่ที่ไม่หวังเงินก้อนใหญ่เหมือนอดีต แต่หวังผู้เล่นมากๆ ที่เล่นด้วยเงินหลักร้อยบาท
ดังนั้น “ภาษีบ่อนกาสิโน” ในแต่ละปีที่จะได้มาคุ้มค่าต่อสิ่งที่ “คนไทยสูญเสียหรือไม่” ไม่ว่าจะเป็นสูญเสียทรัพยากรคุณภาพ และสูญเสียงบประมาณดูแลผู้ติดการพนันเพิ่มขึ้น เช่น กรณีบุหรี่เก็บภาษีได้ปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท
ต้องนำมาเป็นค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากสูบบุหรี่ปีละ 5 หมื่นกว่าล้านบาท
“ฝากไว้ว่าเมื่อตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาการเปิดบ่อนกาสิโนแล้วเครือข่ายเยาวชนอยากเรียกร้องจัดสรรโควตาเก้าอี้ 2-3 ที่นั่งให้บุคคลภายนอก เช่น นักวิชาการ แพทย์ผู้ทำงานด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นเข้าเป็นส่วนร่วมในการศึกษาเสนอแนะข้อมูลแง่มุมทางวิชาการนำไปประกอบให้ครบถ้วนสมบูรณ์รอบด้านด้วย”
เช่นเดียวกับ ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกว่า แม้ได้แนวทางการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร 12 ฉบับ สำเร็จแล้ว “กมธ.วิสามัญฯ 60 คน” ก็ไม่อาจตัดสินใจฟันธงได้ “ไทยควรมีการพนันถูกกฎหมายหรือไม่มีบ่อนกาสิโน” แต่ควรผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนไทยได้ร่วมตัดสินใจด้วย
อย่างกรณี “ประเทศญี่ปุ่น” มีการศึกษาเปิดบ่อนกาสิโนมานานกว่า 15 ปี และเมื่อ 2-3 ปีมานี้ได้มีการทำประชามติความคิดเห็นของประชาชนแล้วมีแผนเปิดกาสิโนรองรับโอลิมปิก 2021 แต่ต้องเจอโรคระบาดก่อน
แล้ว “ประเทศทำการพนันถูกกฎหมาย” มักต้องจัดตั้ง “หน่วยเรกกูเรเตอร์” เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลบ่อนกาสิโนโดยตรง เพราะการใช้กลไกเดิมทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไม่เพียงพอต่อการดูแลได้ทั่วถึง
ก่อนหน้านี้เคยดูงานที่ “สิงค์โปร์” ก็มีปัญหาคนในประเทศติดการพนันเยอะเหมือนกัน มี “หน่วยงานกลาง” ทำหน้าที่ดูแลด้วย “มาตรการเอกซ์คลูชัน” ในการแบนผู้เล่นมีปัญหา เช่น บ่อนกาสิโนยื่นแบนผู้ติดหนี้ติดสิน
เมียแจ้งแบนสามีติดพนันไม่รับผิดชอบครอบครัว “คนกลุ่มนี้” จะถูกบังคับให้บำบัดรักษาพฤติกรรมเสพติดการพนัน
สะท้อนว่า “ทุกประเทศเปิดบ่อนกาสิโน” มักเจอปัญหาทางสังคมมากมาย เพียงว่าเตรียมตัวตั้งรับจัดการแบบใด แล้ววางแบบแผนรับมือให้เกิดประสิทธิภาพแข็งแรงระดับไหน ที่ไม่ใช่มีแนวคิดเพียงว่า “เอาหรือ
ไม่เอา เปิดได้หรือไม่ได้” แต่ต้องศึกษาถึงกลไก ผลกระทบ แนวทางป้องกันในอนาคตด้วยซ้ำ
ย้ำเป็นเหตุผลให้ในต่างประเทศไม่สามารถเปิดบ่อนกาสิโนได้ใน 1-2 ปี เท่าที่รู้มักมีกลไกการศึกษาข้อดีข้อเสียและปัญหาผลกระทบไม่ต่ำกว่า 5 ปี
อันยึดหลักสำคัญ “สิ่งใดก่อผลเสียทางสังคม หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ควรควบคุมกำเนิดไม่ให้เกิดโดยง่ายในการสร้างกลไกให้เกิดขึ้นยากๆ
ถ้าทำคลอดกำเนิดออกมาแล้ว “กระทำผิดฝ่าฝืนกฎระเบียบ” จำเป็นต้องทำให้ตายทันทีด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตถาวรไม่ให้มีโอกาสกลับเข้ามาสร้างปัญหาอีก “แต่มิใช่ว่าทำให้เกิดง่ายตายยาก” เรื่องนี้เป็นข้อกังวลสำหรับประเทศไทย เพราะบ่อนกาสิโนมักมีผลประโยชน์มหาศาล เมื่อเปิดได้แล้วการสั่งปิดจะทำได้ยากมาก...
เหตุนี้ควรต้องทำรัดกุมตั้งแต่เริ่มแรก “จัดการผลกระทบเกี่ยวกับการพนัน” ก่อนเปิดบ่อนกาสิโน เช่น ออกแบบตั้งคลินิกปรึกษาบำบัดผู้ติดการพนัน คลินิกจัดการหนี้สิน ทั้งปลูกฝังทัศนคติเด็กเยาวชนให้เกิดภูมิคุ้มกัน
ทำให้ต้อง “ตั้งหน่วยเรกกูเรเตอร์” เป็นหน่วยงานเฉพาะที่มีความแข็งแรงต่อการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เพราะถ้าไม่มีความแข็งแรงแล้ว “ฝ่ายการเมือง” เข้ามาแทรกแซงด้วยการส่งคนของตัวเองเข้ามาอยู่ใน “บอร์ดฝ่ายบริหาร” สุดท้าย...มิอาจควบคุม “กาสิโน” ให้เป็นตามวัตถุประสงค์ต่อไปได้
ถัดมา การทำการพนันถูกกฎหมายนี้แม้สร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ก็จริง
แต่อาจต้องแลกกับปัญหาทางสังคม อาชญากรรมตามมามากมายแน่นอน เรื่องนี้เป็นโจทย์ใหญ่ “กมธ.วิสามัญฯ” ต้องศึกษาให้ครบถ้วนรอบด้านแล้วนำมาพิจารณาเป็นแบบแผนกลไกรับมือให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด
อยากเสนอว่า “การเปิดบ่อนกาสิโน” ควรตั้งทีมนักวิชาการเป็นกลางเข้ามาศึกษา ทั้งด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางสังคม มิติทางด้านอาชญากรรมทั้งหลายทั้งปวง เพราะถ้าทำให้สังคมยืนอยู่บนความ
เชื่อมั่นที่สามารถควบคุมเอาอยู่กับปัญหา ผลกระทบอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ก็เชื่อว่า... “สังคมไทย” คงไม่มีใครคัดค้านแน่นอน แต่ตอนนี้มองว่า “ประเทศไทย” ไม่พร้อมที่จะมีบ่อนการพนันถูกกฎหมาย เพราะยังมี “หลายเรื่องต้องดำเนินการให้รัดกุมก่อน” เพื่อเป็นเครื่องการันตีต่อความเชื่อมั่นให้สังคมว่ามีบ่อนกาสิโนแล้วจะไม่ก่อปัญหาส่งผลลบต่อประเทศชาติตามมาในอนาคต
ท้ายสุด “การเปิดบ่อนกาสิโนได้หรือไม่” ต้องศึกษาข้อดีข้อเสีย
ผลกระทบรอบด้าน มิใช่อ้างเหตุผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจแล้ว “ลืมคำนึงผลกระทบทางสังคม” จนกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสียนะจ๊ะ.